จุลชีพในส้วมสาธารณะ
กลุ่มพัฒนาการสุขาภิบาล สำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
สืบเนื่องจากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินงานพัฒนาส้วมสาธารณะไทย มาตั้งแต่ ปี 2547
โดยพัฒนาส้วมสาธารณะไทยให้ผ่านตามเกณฑ์มาตรฐานส้วมสาธารณะไทย สะอาด(Healthy: H) เพียงพอ (Accessibility:
A) ปลอดภัย (Safety) ในปี 2547 ร้อยละ 9.08 % และในปี
2558
มีส้วมสาธารณะที่ผ่าน HAS ร้อยละ 71.00 % กรมอนามัยทำการสำรวจเชื้อที่ปนเปื้อนในอุจจาระหรืออีโคไล (E.coli) ในส้วมสาธารณะด้วยชุดทดสอบสำหรับส้วมสาธารณะ พบว่าที่จับสายฉีดน้ำชำระ ตรวจพบการปนเปื้อนอุจจาระร้อยละ 85.3 พื้นห้องส้วม ตรวจพบการปนเปื้อนอุจจาระร้อยละ
50 ที่รองนั่งส้วม
ตรวจพบการปนเปื้อนอุจจาระร้อยละ 31 ที่กดน้ำของโถส้วม/โถปัสสาวะ
ตรวจพบการปนเปื้อนอุจจาระ ร้อยละ 7.7
ก๊อกน้ำตรวจพบการปนเปื้อนอุจจาระ
ร้อยละ 7 กลอนประตู
ตรวจพบการปนเปื้อนอุจจาระร้อยละ 2.7(1) นอกจากนี้จากเหตุการณ์ในปี 2552
มีการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (H1N1) หรือไข้หวัดใหญ่ 2009 ซึ่งปัจจุบันในปี 2557 ประเทศไทยมีผู้ป่วยจำนวน
37,015 ราย
ซึ่งมีผู้เสียชีวิตจำนวน 51 ราย(ข้อมูลการเฝ้าระวังตั้งแต่ 1 ม.ค. –1 มิ.ย. พ.ศ. 2557) (6) และยังพบว่ามีผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดนี้ในส้วมสาธารณะในห้างสรรพสินค้า จำนวน 1 ราย
เป็นชายวัย 47 ปีทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดที่ทำความสะอาดในบริเวณดังกล่าวและไม่เคยมีประวัติสัมผัสกลุ่มเสี่ยงมาก่อน(5)กการศึกษาของลี
ยวน คุน (9) ศึกษาสุขลักษณะอากาศในห้องส้วม พบว่าจุลิทรีย์ที่พบมาจากผู้เข้ามาใช้บริการส้วมสาธารณะ ระบบการชักโครกและสุขวิทยาส่วนบุคคล
จุลินทรีย์ในอากาศที่พบเป็นจำพวกระบบทางเดินหายใจและระบบทางเดินอาหารหรือลำไส้ใหญ่
เมื่อตรวจวัดจุลชีพในส้วมสาธารณะพบว่าปริมาณจุลินทรีย์ของอากาศภายในอาคารสูงกว่าภายนอกหรืออาคารที่เปิดโล่งสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมและปริมาณจุลินทรีย์ของอากาศในห้องส้วมสูงกว่าอากาศในสำนักงานทั่วไปและบริเวณทางเดินภายในตึกที่มีการระบายอากาศ
และจุลินทรีย์ที่ก่อเชื้อในระบบทางเดินอาคารสุดท้ายก็ตกลงมาปนเปื้อนในห้อง
ตาราง 1
แสดงแหล่งที่มากลุ่มแบคทีเรียที่พบในอากาศภายในอาคาร(9)
แบคทีเรีย(Bacteria)
|
แหล่งที่มา(Origin)
|
ความถี่ (Frequency of isolation (%))
|
|
อาคาร(Building)
|
ห้องส้วม(Toilet)
|
||
Staphylococcus
|
Skin
|
100
|
100
|
Micrococcus
|
Skin
|
100
|
|
Pseudomonas
|
Skin,Fecal
|
80
|
90
|
Bacillus
|
Skin,Fecal
|
50
|
45
|
Acinetobacter
|
Skin,Fecal
|
33
|
40
|
Coliforms
|
Fecal
|
100
|
|
ตาราง 2
แสดงการร้อยละเชื้อแบคทีเรียโคลิฟอร์มที่พบในห้องส้วม(9)
จุดที่เก็บ(Location)
|
ร้อยละที่พบแบคทีเรียคอลิฟอร์ม (% Coliform Bacteria Detected)
|
พื้น(Floor in front of toilet)
|
95
|
อ่างล้างมือ
(Sink)
|
52
|
ที่รองนั่งส้วม(Top of the toilet seat)
|
40
|
Tap
|
35
|
ผนัง (Wall behind toilet)
|
23
|
ที่กดชักโครก
(Toilet
flush handle)
|
7
|
กลอนประตู
(Door knob)
|
5
|
นอกจากนี้กิจจา
จิตรภิรมย์ (2) ทำการแยกเชื้อแบคทีเรียที่ปนเปื้อนในห้องส้วม พบ Coliform bacteria,E coli, Staphylococcus aureus และ Coagulase
negative – Staphylococcus spp.(CNSA) ไม่พบ Salmonella spp.
โดยพบว่าเชื้อที่ปนเปื้อนส่วนใหญ่แยกได้จากก๊อกน้ำ
บริเวณขอบอ่างล้างมือ บริเวณลูกบิดหรือกลอนประตู ฝารองนั่งชักโครกและที่กดชักโครกและให้ข้อสรุปว่าห้องส้วมสาธารณะยังขาดมาตรการที่เหมาะสมในการทำความสะอาดหรือผู้ใช้บริการยังมีสุขนิสัยที่ไม่ถูกสุขลักษณะจนทำให้เกิดการสะสมของเชื้อโรคและสามารถแพร่กระจายจนมีความเสี่ยงทางสุขภาพต่อการติดเชื้อภายในห้องส้วมสาธารณะ
ปัจจัยที่ทำให้เกิดการสะสมของเชื้อโรคในอาคาร
มาจากการออกแบบและการจัดการที่ไม่เหมาะสม ได้แก่วัสดุและเครื่องใช้สำนักงานที่มีคุณสมบัติในการดูดซับความชื้น,สภาพแวดล้อมภายในที่เป็นซอกมุม,อากาศที่มีความชื้นสูง,การเตรียมพื้นที่ในการทำความสะอาดที่ไม่เพียงพอ,ปัญหาจากงานระบบปรับอากาศ,แนวทางการประหยัดพลังงาน,การทำความสะอาดและการติดตั้งอุปกรณ์ที่ผิดวิธีนอกจากนี้ยังพบว่าพฤติกรรมของผู้ใช้อาคารเป็นสาเหตุสำคัญต่อการสะสมของเชื้อโรคภายในอาคารได้อีกด้วย
(4)
จะเห็นได้ว่าจุลชีพมีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะในห้องส้วมสาธารณะ เนื่องจากเป็นจุดที่ต้องใช้ร่วมกับผู้อื่น หากทำความสะอาดหรือดูแลได้ไม่ดี ก็จะกลายเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อโรคได้ง่าย รวมทั้งโรคสำคัญที่จะกลับกลายมาเป็นปัญหาต่อไป
“จุลชีพที่สำคัญภายในส้วมสาธารณะ”
-แบคทีเรียโคลิฟอร์ม (Coliform bacteria) เป็นแบคทีเรียในวงศ์ Enterobacteriaceae มีรูปท่อนสั้นติดสีแกรมลบ
เคลื่อนที่ด้วยแฟลกเจลลาที่อยู่รอบเซลล์
เป็นเชื้อที่เจริญได้ดีในสภาวะที่มีอากาศและ ไร้อากาศ
เป็นแบคทีเรียดัชนีบ่งชี้การปนเปื้อนของอุจจาระ (index microorganisms) เนื่องจากใช้วิธีตรวจง่ายไม่ยุ่งยากแบ่งตามแหล่งที่มา
ได้เป็น 2 ชนิดคือ ฟีคัลโคลิฟอร์ม (Fecal Coliform) พวกนี้อาศัยอยู่ในลำไส้ของคน
และสัตว์เลือดอุ่น ถูกขับถ่ายออกมากับอุจจาระ เมื่อเกิดการระบาดของโรคระบบทางเดินอาหาร
จะพบแบคทีเรียชี้แนะชนิดนี้
ได้แก่ อี.โค.ไล (E.coli) และนอนฟีคัลโคลิฟอร์ม (Non-fecal coliform) พวกนี้อาศัยอยู่ในดิน
และ พืชมีอันตรายน้อยกว่าพวกแรก ใช้เป็นแบคทีเรียชี้แนะถึงความไม่สะอาดของน้ำได้ เช่น
เอ. แอโรจิเนส (A. aerogenes) แบคทีเรียโคลิฟอร์มสามารถย่อยสลายน้ำตาลแลกโตสและให้ก๊าซภายในเวลา
48 ชั่วโมง ที่อุณหภูมิ 35 องศาเซลเซียส
เรียกว่าเป็นพวกแลกโตสเฟอร์เมนเตอร์ ซึ่งแบคทีเรียพวกแลกโตสเฟอร์เมนเตอร์ เป็นกลุ่มที่ไม่ทำให้เกิดโรค ส่วนพวกแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคไม่สามารถย่อยสลายน้ำตาลแลกโตสได้ที่อุณหภูมิ
35 องศาเซลเซียส จึงจัดอยู่ในพวกนอน-แลกโตสเฟอร์เมนเตอร์
-สแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus
aureus) (3) จัดอยู่ในวงศ์ Micrococcaceae เป็นแบคทีเรียรูปร่างกลม เซลล์เรียงตัวเป็นกลุ่มทำให้ดูเหมือนพวงองุ่น
ติดสีแกรมบวก สามารถเจริญได้ในสภาวะที่ไม่มีอากาศและมีอากาศ
บางครั้งอยู่เป็นคู่สาย โคโลนีมีสีเหลืองทอง แต่บางครั้งอาจพบเป็นสีครีม เป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่าง
ๆเช่นการติดเชื้อบริเวณเนื้อเยื่อและโรคอาหารเป็นพิษ
สแตปฟิโลคอคคัส
ออเรียส (S.
aureus) พบได้ตามธรรมชาติและร่างกายของมนุษย์และสัตว์
โดยจะพบตามทางเดินหายใจ ลำคอหรือ เส้นผมและผิวหนัง บางครั้งพบในอุจจาระด้วยหรืออาจพบเชื้อชนิดนี้โดยสัมผัสเชื้อโดยตรงกับสภาพแวดล้อมในส้วมสาธารณะ หากผิวหนังเกิดรอยบาดแผลหรือถลอกหรือได้รับการผ่าตัดเชื้อนี้จะบุกรุกเข้าเนื้อเยื่อชั้นในได้หรือเมื่อเข้าสู่กระแสเลือดแล้ว
นอกจากนี้ยังมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมภายนอกได้ดีมาก
“แนวทางการลดการแพร่กระจายจุลชีพในส้วมสาธารณะ”
(1)
สำหรับแนวทางการลดการแพร่กระจายของจุลชีพก็คือ
การทำความสะอาดห้องส้วม อาจต้องคำนึงในเรื่องความถี่ของการทำความสะอาดโดยเฉพาะห้องส้วมสาธารณะที่มีผู้เข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมากและเข้ามาใช้อยู่ตลอดเวลา เช่น
ส้วมสาธารณะในสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง,ส้วมสาธารณะในห้างสรรพสินค้า เป็นต้น
ซึ่งควรทำความสะอาดเป็นประจำ
และเพิ่มความถี่อย่างน้อย 3 ครั้งต่อวันหรือพิจารณาจากจำนวนมากน้อยของผู้ใช้บริการส้วมสาธารณะ
รวมทั้งหมั่นตรวจและทำความสะอาดห้องส้วมให้สะอาดเรียบร้อยอยู่เสมอ
โดยเฉพาะจุดที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เช่นพื้นห้องส้วม ต้องสะอาดและแห้งอยู่เสมอ
นอกจากนี้วิธีการทำความสะอาด ก็สามารถลดจำนวนการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้เช่นเดียวกัน โดยการทำความสะอาดห้องส้วมอยู่เป็นประจำด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อเป็นวิธีที่เหมาะสมช่วยลดจำนวนจุลินทรีย์ภายในห้องส้วม
นั่นคือ นอกจากจะทำความสะอาดห้องส้วมด้วยผลิตภัณฑ์ล้างทำความสะอาดทั่วไปแล้ว
ควรมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีสารประกอบจำพวกคลอไรด์ซึ่งสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ด้วยเช่น
โซเดียมไฮโปคลอไรด์ เป็นต้น นอกจากนี้การปรับปรุงระบบระบายอากาศก็ยังสามารถช่วยลดจำนวนจุลชีพในส้วมสาธารณะได้อีกด้วย
อ้างอิง
1.กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. ทำอย่างไรให้ส้วมสะอาด.จุดที่ต้องทำความสะอาดเป็นพิเศษเนื่องจากเป็นจุดที่มีการตรวจพบการปนเปื้อนอุจจาระ
หน้า 11. พิมพ์ครั้งที่ 3 จำนวน 10,000 เล่ม มีนาคม 2551
2.กิจจา จิตรภิรมย์.การประเมินมาตรฐานและการปนเปื้อนแบคทีเรียในห้องส้วมสาธารณะ.วารสารวิทยาศาสตร์ มข. ปีทีี่ 41 ฉบับทีี่ 33 (2556) หน้า 789-796
http://scijournal.kku.ac.th/files/Vol_41_No_3_P_789-796.pdf เข้าถึงข้อมูลวันที่ 25 มีนาคม
2559
3.คมสันต์ วรรณไสย.2558.พยาธิวิทยาของโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่พบบ่อย Pathology of common
bacterial infections.ภาควิชาพยาธิวิทยา
คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ลักษณะและคุณสมบัติของเชื้อStaphylococcus aureus . [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จากhttp://www.lib.kps.ku.ac.th/SpecialProject/Agricultural_Biotechnology/2549/Bs/BoonyapornTp/chapter2.pdf. สืบค้นเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2558
4.ดารณี จารีมิตรและคณะ.โรคระบบทางเดินหายใจ:ความเสี่ยงร้ายแรงจากการออกแบบและจัดการอาคารสำนักงานที่ไม่เหมาะสม.วารสารวิจัยและสาระสถาปัตยกรรม/การผังเมือง ปีที่ : 4
ฉบับที่ : 2 เลขหน้า : 1-19 ปีพ.ศ. : 2549 [ออนไลน์]
http://www.tds.tu.ac.th/jars/download/jars/v4-2/01_Respiratory%20Diseases.pdf เข้าถึงข้อมูลวันที่ 4 พฤศจิกายน 2558
5. ภัยร้ายไข้หวัด
2009 ระบาดหนัก.ข่าวการเมือง วันที่ 1
กรกฎาคม 2552 [ออนไลน์]
http://news.sanook.com/788092/เข้าถึงข้อมูลวันที่ 6 พฤศจิกายน 2558
6.สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. Influenza ระบบเฝ้าระวังโรค (รายงาน 506). [ออนไลน์] http://www.boe.moph.go.th/เข้าถึงข้อมูลวันที่
11 มิถุนายน 2557
7.Escherichia coli. http://www.rtmsd.org/cms/lib9/PA01000204/Centricity/Domain/170/e_colic.jpg
8.Staphylococcus aureus. [ออนไลน์]. http://www.foodnetworksolution.com/uploaded/staphylococcus-aureus.jpg
สืบค้นเมื่อวันที่ 4
พฤศจิกายน 2558
9.Prof
Lee Yuan Kun, Associate Professor, Department of Microbiology, Yong Loo Ling
School of Medicine, National University of Singapore, Singapore. Air Hygiene
in Washrooms. World 20 Toilet 200616-18 November 2006, Bangkok Impact
Exhibition & Convention Center, Hall 9 .Health Air Hygiene in Washrooms, 17
November 2006, Friday 11.00 am – 11.20 am.
มีปัญหาหรือไขข้อข้องใจได้ค่ะ
ตอบลบ