วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2561

“พฤติกรรมการใช้ส้วมสาธารณะของคนไทย”


ประเทศไทยมีการรณรงค์ใช้ส้วมสาธารณะมากขึ้น     ซึ่งเริ่มรณรงค์พัฒนาส้วมสาธารณะไทยมาตั้งแต่ปี 2547 โดย   กรมอนามัย เริ่มสำรวจสถานการณ์ส้วมสาธารณะ จำนวน 6,149 แห่ง พบว่ามีส้วมสาธารณะผ่านเกณฑ์มาตรฐานในภาพรวมเพียง 9.08% หรือเพียง 558 แห่ง และเริ่มจัดทำแผนพัฒนาส้วมสาธารณะไทยมาตั้งแต่ปี 2548 รวมทั้งกำหนดเป็นเกณฑ์มาตรฐานส้วมสาธารณะไทยให้ได้มาตรฐาน 3 เรื่อง คือ สะอาด (Health) เพียงพอ (Accessibility) และปลอดภัย (Safety) หรือ HAS  ปัจจุบันการพัฒนาส้วมสาธารณะไทย ในปี 2555 มีส้วมสาธารณะไทยผ่านเกณฑ์มาตรฐานส้วมสาธารณะไทยจำนวน 62.45 %  และที่สำคัญได้ดำเนินการรณรงค์ให้มีพฤติกรรมการใช้ส้วมสาธารณะที่ถูกต้อง ได้แก่ นั่งบนโถส้วม  ไม่ทิ้งวัสดุอื่น นอกจากกระดาษชำระลงบนโถส้วม  ราดน้ำหรือกดชักโครกทุกครั้งหลังการใช้ส้วม และล้างมือทุกครั้งหลังการใช้ส้วม นอกจากนี้ผลการสำรวจคนไทยจำนวน 12,895 คน พบว่า คนไทยร้อยละ 52.9  มีพฤติกรรมการใช้ส้วมไม่ถูกสุขลักษณะ คือไม่ล้างมือหลังการใช้ส้วม ร้อยละ 21.7 ทิ้งวัสดุอื่น ๆ นอกเหนือจากกระดาษชำระลงในโถส้วม และร้อยละ 17 ขึ้นไปเหยียบโถส้วมแบบชักโครก โดยเฉพาะการรณรงค์ไม่ทิ้งวัสดุอื่น นอกจากกระดาษชำระลงบนโถส้วม  ยังขาดข้อมูลจากประชาชนในเรื่องทัศนคติ ความรู้และพฤติกรรมการใช้กระดาษชำระของคนไทย  จากการสำรวจพฤติกรรมการใช้ส้วมสาธารณะของคนไทย โดยสุ่มสำรวจตัวอย่างคนไทยจำนวน  398  คน (แทนประชากร 100,000 คน ความเชื่อมั่น 95 % ความคลาดเคลื่อน ±5 %, ตารางการประมาณนาดตัวอย่าง Yamane, ระเบียบวิธีการวิจัยทางพยาบาลศาสตร์,หน้า 560)  ในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร พระนครศรีอยุธยา  นนทบุรี นครปฐม และสมุทรสาคร โดยสุ่มสถานที่แบบเฉพาะเจาะจง (Purposive) และแบบสะดวก (Convenience) ได้แก่  โรงเรียน  โรงพยาบาล ตลาด สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง ห้างสรรพสินค้าและกระทรวงสาธารณสุข  ตามจำนวนตัวอย่างที่สำรวจพบว่าเพศหญิงจำนวน 247 คน  คิดเป็นร้อยละ 62.1  เพศชายจำนวน 151 คน คิดเป็นร้อยละ 37.9  ซึ่งเก็บข้อมูลในช่วงระหว่างวันที่  27 – 28 กุมภาพันธ์ 2557,  วันที่ 10 – 11 มีนาคม 2557   และระหว่างวันที่ 15 – 29  สิงหาคม 2557     จากตาราง 1 แสดงจำนวนผู้ตอบแบบสัมภาษณ์แยกตามสถานที่ พบว่ามีผู้ตอบแบบสัมภาษณ์ในโรงพยาบาล  จำนวน 59 คน ร้อยละ 14.8 ,โรงเรียน  ร้อยละ 95 ,ตลาด ร้อยละ 40, แหล่งท่องเที่ยว ร้อยละ 74 , สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง  ร้อยละ 33 , ห้างสรรพสินค้า  ร้อยละ 67 ซึ่งข้อมูลที่ได้มีค่าเฉลี่ย ( )  รวมทั้งหมด 56.86  แยกเป็น เพศชาย 16.92 เพศหญิง 9.18, ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( S ) รวมทั้งหมด 23.91  แยกเป็นเพศชาย 16.92  เพศหญิง 9.18 และแผนภาพ 1 แสดงสัดส่วนจำนวน (คน) เพศชายและเพศหญิง แบ่งตามสถานที่จากการเก็บข้อมูล และร้อยละของผู้ให้สัมภาษณ์ พบว่าสัดส่วนเพศหญิงมากกว่าจำนวนเพศชาย
ตาราง 1 แสดงจำนวนผู้ตอบแบบสัมภาษณ์แยกตามสถานที่
สถานที่
จำนวนคน
ร้อยละ
เพศชาย
ร้อยละ
เพศหญิง
ร้อยละ
โรงพยาบาล
59
14.80
21
35.39
38
64.41
กระทรวงสาธารณสุข
30
7.50
3
10.00
27
90.00
โรงเรียน
95
23.90
52
54.74
43
45.26
ตลาด
40
10.10
5
12.50
35
87.50
แหล่งท่องเที่ยว
74
18.60
32
43.24
42
56.76
สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง
33
8.30
14
42.42
19
57.58
ห้างสรรพสินค้า
67
16.80
24
35.82
43
64.18
ค่าเฉลี่ย
56.86
-
21.57
-
35.29
-
ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
23.91
-
16.92
-
9.18
-
รวมทั้งหมด
398
100
151
37.9
247
62.1
         1.ผลการสำรวจประชาชนที่เข้ามาใช้ส้วมสาธารณะข้อมูลทั่วไป (พิจารณาตามตาราง 2 และแผนภาพ 2) พิจารณาตามกลุ่มเพศ พบว่า เพศหญิงจำนวน  247 คน   ร้อยละ 62.1 เพศชายจำนวน 151 คน ร้อยละ 37.9  เมื่อพิจารณาตามกลุ่มอายุกลุ่มเยาวชน (7-25 ปี)  พบว่า มีจำนวน  207 คน ร้อยละ 52.0  กลุ่มทำงาน (26-64 ปี)  พบว่า 169  คน ร้อยละ 42.2  กลุ่มผู้สูงอายุ (65ปี ขึ้นไป) พบว่ามีจำนวน   22 คน ร้อยละ 5.5,พิจารณาตามกลุ่มการศึกษา ระดับประถมศึกษาจำนวน  51 คน ร้อยละ 12.8  ระดับมัธยมศึกษา  จำนวน  187 คน  ร้อยละ 47.0 
ตาราง 2  แจกแจงความถี่ข้อมูลทั่วไปของกลุ่มตัวอย่าง
ข้อมูลทั่วไป
ความถี่ (จำนวนคน)
ร้อยละ
(%)
เพศ
เพศหญิง
247
62.10
 
เพศชาย
151
37.90
อายุ
กลุ่มเยาวชน(7-25ปี)
207
52.00
 
กลุ่มทำงาน (26-64ปี)
169
42.50
 
กลุ่มผู้สูงอายุ (65ปีขึ้นไป)
22
5.50
การศึกษา
ประถมศึกษา               
51
12.81
 
มัธยมศึกษา
187
46.98
 
ปวช./ปวส./อนุปริญญา
37
9.30
 
ปริญญาตรี
111
27.89
 
ปริญญาโทหรือสูงกว่า
9
2.26
 
อื่น ๆ ระบุ
3
0.75
อาชีพ
ธุรกิจส่วนตัว
69
17.30
 
รับราชการ/รัฐวิสาหกิจ
17
4.30
 
รับจ้าง
34
8.50
 
พนักงานเอกชน
71
17.80
 
แม่บ้าน
10
2.50
 
นักเรียน/นักศึกษา
175
44.00
 
อื่น ๆระบุ
22
5.60
ระดับปวช./ปวส./อนุปริญญา จำนวน  37 คน ร้อยละ 9.3  ระดับปริญญาตรี  จำนวน  111  คน ร้อยละ 27.9  ปริญญาโทหรือสูงกว่า จำนวน  9 คน ร้อยละ 2.3  อื่น ๆ ระบุ จำนวน  3 คน ร้อยละ 0.8 ,พิจารณาตามกลุ่มอาชีพ  ธุรกิจส่วนตัว  จำนวน 69 คนร้อยละ 17.3  รับราชการ/รัฐวิสาหกิจ จำนวน  17 คน  ร้อยละ 4.3   รับจ้าง  จำนวน 34 คน ร้อยละ 8.5  พนักงานเอกชน  จำนวน   71  คน  ร้อยละ 17.8 แม่บ้าน  จำนวน  10  คน  ร้อยละ  2.5   นักเรียน/นักศึกษา จำนวน  175  คน  ร้อยละ  44.0  อื่น ๆ  ระบุ  จำนวน 22 คน   ร้อยละ 5.1 เมื่อพิจารณาตามกลุ่มพบว่ากลุ่มอายุส่วนใหญ่  กลุ่มเยาวชนมากกว่ากลุ่มทำงานและน้อยที่สุดคือกลุ่มผู้สูงอายุเนื่องจากส่วนใหญ่อยู่บ้าน,กลุ่มการศึกษา  ส่วนใหญ่กลุ่มมัธยมศึกษามากที่สุดรองลงมากลุ่มปริญญาตรีมากกว่ากลุ่มประถมศึกษาและอนุปริญญา/ปวช./ปวส. ตามลำดับและน้อยที่สุดคือปริญญาโทหรือสูงกว่า,กลุ่มอาชีพ ส่วนใหญ่เป็นนักเรียน/นักศึกษา  พนักงานเอกชน ธุรกิจส่วนตัวและรับจ้าง ตามลำดับ น้อยที่สุดคือ แม่บ้าน
          2.ความถี่ของประชาชนที่เข้ามาใช้ส้วมสาธารณะ  พบว่า จำนวน 1 ครั้ง  ร้อยละ 31.80,  จำนวน 2 ครั้ง ร้อยละ 27.20 , จำนวน 3 ครั้ง  ร้อยละ 18.60 , มากกว่า 3 ครั้ง  ร้อยละ 22.60 จากข้อมูลความถี่การใช้ส้วมสาธารณะจำนวน 1 ครั้งมากที่สุดและน้อยที่สุดจำนวนจำนวน 3 ครั้ง  และเห็นได้ว่าประชาชนคนไทยส่วนใหญ่อย่างน้อยใช้ส้วมสาธารณะ 1 ครั้งเมื่ออกนอกบ้าน (พิจารณาตามตาราง 3 )
           
3.พฤติกรรมการใช้ส้วมสาธารณะ  พบว่า มีพฤติกรรมที่ใช้ส้วมสาธารณะถูกต้องครบทั้ง 4 ข้อ ได้แก่ นั่งบนโถส้วม,  ไม่ทิ้งวัสดุอื่นนอกจากกระดาษชำระลงบนโถส้วม, ราดน้ำหรือกด ชักโครกทุกครั้ง  หลังการใช้, ล้างมือทุกครั้งหลังการใช้ส้วม  ร้อยละ 47.2 (รวมทั้งอื่นๆที่ระบุว่าใช้เจลและสารฆ่าเชื้อด้วยร้อยละ 2.5) แต่ทั้งนี้การล้างมือใช้เฉพาะน้ำสะอาดเท่านั้นไม่ได้ใช้สบู่หรือสารฆ่าเชื้อ จะใช้เฉพาะเมื่อจัดไว้ให้เท่านั้น สำหรับกลุ่มที่มีพฤติกรรมใช้ส้วมสาธารณะที่ไม่ครบทั้ง 4 ข้อ ร้อยละ 52.80  แบ่งเป็น กลุ่มที่มีพฤติกรรมที่ใช้ส้วมสาธารณะถูกต้องข้อใดข้อหนึ่ง ร้อยละ 14.90, กลุ่มที่มีพฤติกรรมที่ใช้ส้วมสาธารณะถูกต้องมากกว่า 1 ข้อแต่ไม่เกิน 3 ข้อ  ร้อยละ 37.90 เนื่องจากทั้งสองกลุ่มนี้จะไม่ทิ้งเศษวัสดุอื่น ๆฯ และไม่ได้ล้างมือ เนื่องจากใช้ส้วมนั่งราบและนั่งยองแบบราดน้ำ และเห็นว่าทำให้เกิดการอุดตัน หรือใช้เฉพาะแบบนั่งยอง รวมทั้งล้างมือโดยไม่ใช้สบู่หรือสารฆ่าเชื้อจะใช้ก็ต่อเมื่อจัดไว้ให้เท่านั้น จะเห็นได้ว่ากลุ่มที่ใช้ส้วมสาธารณะที่ไม่ครบทั้ง 4 ข้อมีมากกว่าพฤติกรรมที่ใช้ส้วมสาธารณะถูกต้องครบ 4 ข้อ (พิจารณาตามตาราง 3)
4.การใช้กระดาษชำระ  เมื่อสอบถามประชาชนเกี่ยวกับการใช้กระดาษชำระในส้วมสาธารณะพบว่ามีการใช้กระดาษชำระสำหรับใช้ทำความสะอาดภายหลังการขับถ่ายโดยใช้จากที่เตรียมไว้ให้ในห้องขับถ่ายและมีพนักงานจัดไว้ให้ก่อนเข้าใช้ส้วมสาธารณะ  ร้อยละ 56.80 ซื้อมาจากมินิมาร์ท/ร้านค้าใกล้เคียง/เตรียมมาเอง ร้อยละ 42.20 อื่น ๆ ระบุ ร้อยละ 1.00 ,มีการใช้กระดาษชำระทุกครั้งภายหลังการขับถ่ายในส้วมสาธารณะร้อยละ 82.40 , มีการใช้ทั้งน้ำและกระดาษชำระ  ร้อยละ 79.10 ,การทิ้งกระดาษชำระภายหลังการใช้ โดยทิ้งลงในถังขยะที่จัดเตรียมไว้ให้  ร้อยละ 88.40 ลงในโถส้วมร้อยละจากข้อมูล (พิจารณาตามตาราง 3 และแผนภาพ 5)    จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่ใช้กระดาษชำระภายหลังการขับถ่ายก็ต่อเมื่อจัดไว้ในห้องขับถ่ายหรือมีพนักงานเตรียมไว้ให้มากกว่าซื้อหรือเตรียมมาเองและมีการใช้กระดาษชำระทุกครั้งมากกว่าไม่ใช้ นอกจากนี้ยังใช้ทั้งน้ำและกระดาษชำระและทิ้งกระดาษชำระภายหลังการใช้โดยทิ้งลงในถังขยะที่จัดเตรียมไว้ให้มากกว่าทิ้งลงในโถส้วม
5.ความรู้เรื่องกระดาษชำระ  พบว่า ประชาชนทราบว่ากระดาษชำระเป็นกระดาษประเภทหนึ่งของกระดาษอนามัย  ร้อยละ 54.50  ประชาชนทราบว่ากระดาษอนามัยแบ่งเป็นกระดาษเช็ดหน้า  กระดาษเช็ดปาก  กระดาษเช็ดมือและกระดาษชำระ ร้อยละ 56.50 ประชาชนทราบว่ามีการใช้กระดาษถูกประเภทสำหรับการขับถ่าย (ใช้กระดาษอนามัยประเภทกระดาษชำระทุกครั้งที่ใช้ส้วมสาธารณะ) ร้อยละ 33.70  นอกจากนี้ประชาชนทราบว่ากระดาษชำระมีส่วนผสมของกระดาษที่ใช้แล้ว  ร้อยละ 43.20   และทราบเกี่ยวกับงานวิจัย/องค์ความรู้เกี่ยวกับกระดาษชำระลงในโถส้วม ร้อยละ 20.60
            6. ทัศนะคติกับการใช้กระดาษชำระ  พบว่า เหตุผลที่ประชาชนไม่แน่ใจในการใช้กระดาษอนามัยว่า ถูกประเภทหรือไม่เนื่องจากไม่ได้สังเกต ร้อยละ 68.52 , ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเลือกใช้ประเภทกระดาษอนามัย ร้อยละ  20.33 และอื่นๆ ระบุ  ร้อยละ 2.00, ความเห็นเกี่ยวกับฉลากของกระดาษชำระที่ขายตามท้องตลาด  ประชาชน เห็นว่า ผู้ผลิตควรระบุลงไปให้ชัดเจนว่าเป็นกระดาษชำระเฉพาะกับการขับถ่ายและทิ้งไปในโถส้วมได้  ร้อยละ55.30    ใช้ตามที่ฉลากแนะนำ เช่นใช้สำหรับเช็ดหน้าหรือใช้ทำความสะอาดร่างกาย ร้อยละ 34.90 และอื่น ๆ ระบุ ร้อยละ 9.80 , กระดาษชำระหากใช้แล้วทิ้งลงไปในโถส้วมจะมีผลทำให้ส้วมตันหรือไม่ ประชาชนเห็นว่า  ไม่มีผลเพราะมั่นใจว่าหากผลิตตามมอก.แล้วกระดาษชำระเปื่อยยุ่ย/กระจายได้ดีไม่อุดตันในระบบท่อและเก็บกักร้อยละ 32.70  ไม่แน่ใจ   ร้อยละ 52.00    อื่น ๆ ระบุ ร้อยละ 15.30 ,รณรงค์ให้มีพฤติกรรมการใช้ส้วมที่ถูกต้องโดยทิ้งกระดาษชำระลงไปในโถส้วมประชาชนเห็นว่า เป็นวิธีการกำจัดมูลฝอยชนิดหนึ่งโดยไม่แพร่กระจายเชื้อโรค  ร้อยละ 85.90 และ อื่น ๆ ระบุ   ร้อยละ 14.10
ตาราง 3 แสดงทัศนคติ  ความรู้  พฤติกรรมการใช้ส้วมสาธารณะและการใช้กระดาษชำระ

ทัศนคติ  ความรู้  พฤติกรรมการใช้ส้วมสาธารณะและการใช้กระดาษชำระ
จำนวน (คน)
เพศหญิง
เพศชาย
รวมทั้งหมด
1.1 1 ครั้ง
75(30.36%)
51(33.77%)
126 (31.8%)
1.2 2 ครั้ง
69(27.94%)
39(25.83%)
108 (27.2%)
1.3 3 ครั้ง
43(17.40%)
31(20.53%)
74 (18.6%)
1.4 มากกว่า 3 ครั้ง
60(24.30%)
30(19.87%)
90 (22.6%)
2.1 นั่งบนโถส้วม
10(4.0)
5 (3.3%)
15 (3.80%)
2.2 ไม่ทิ้งวัสดุอื่น นอกจากกระดาษชำระลงบนโถส้วม
1(0.4)
2 (1.3%)
3 (0.80%)
2.3 ราดน้ำหรือกดชักโครกทุกครั้งหลังการใช้ส้วม
6(2.4)
15(9.9%)
21 (5.30%)
2.4 ล้างมือทุกครั้งหลังการใช้ส้วม
7(2.8)
13(8.6%)
20 (5.00%)
2.5 อื่น ๆ ระบุ
6(2.4)
3(2.1%)
9 (2.50%)
2.6  พฤติกรรมข้อ 2.1 และ2.3
4(1.6)
1(0.7%)
5 (1.30%)
2.7  พฤติกรรมข้อ 2.1 และ2.4
6(2.4)
2(1.3%)
9 (2.30%)
2.8  พฤติกรรมข้อ 2.1, 2.2และ2.4
2(0.8)
1(0.7%)
3 (0.80%)
2.9  พฤติกรรมข้อ 2.1, 2.3และ2.4
20(8.1)
13(8.6)
37 (9.30%)
2.10 พฤติกรรมข้อ 2.2 และ2.3
1(0.4)
1(0.7)
2 (0.50%)
2.11 พฤติกรรมข้อ 2.2 และ2.4
6(2.4)
1(0.7)
1 (0.30%)
2.12 พฤติกรรมข้อ 2.2, 2.3และ2.4
14(5.7)
19(12.6)
33 (8.30%)
2.13พฤติกรรมข้อ 2.3และ2.4
37 (15.0)
25(16.6)
62 (15.60%)
2.14พฤติกรรมการใช้ส้วมสาธารณะครบ 4 ข้อ
131(53.0)
47(31.1)
178 (44.7%)

ทัศนคติ  ความรู้  พฤติกรรมการใช้ส้วมสาธารณะและการใช้กระดาษชำระ
จำนวน (คน)
เพศหญิง
เพศชาย
รวมทั้งหมด
3.พฤติกรรมการใช้กระดาษชำระ
 
 
 
3.1 กระดาษชำระสำหรับใช้ทำความสะอาดภายหลังการขับถ่าย
3.1.1 มีเตรียมไว้ในห้องขับถ่ายหรือมีพนักงานจัดไว้ให้ก่อนเข้าใช้ส้วมสาธารณะ
 
141 (57)
85(56.3)
226(56.8%)
3.1.2 ซื้อมาจากมินิมาร์ท/ร้านค้าใกล้เคียง/เตรียม  มาเอง
105(42.5%)
63(41.7%)
168(42.2%)
3.1.3 อื่น ๆระบุ
1(0.4%)
3(2.0%)
4 (1.0%)
3.2 ใช้กระดาษชำระทุกครั้งภายหลังการขับถ่ายในส้วมสาธารณะ
3.2.1 ใช้
218(88.3%)
110(72.8%)
328 (82.4%)
3.2.2 ไม่ใช้
29(11.7%)
41(27.2%)
70 (17.6%)
3.3ใช้ทั้งน้ำและกระดาษชำระภายหลังการขับถ่าย
3.3.1 ใช้
216(87.4%)
99(65.6%)
315 (79.1%)
3.3.2 ไม่ใช้
31(12.6%)
52(34.4%)
83 (20.9%)
3.4 การทิ้งกระดาษชำระภายหลังการใช้
3.4.1 ถังขยะที่จัดเตรียมไว้ให้
232(93.9%)
120(79.5%)
352 (88.4%)
3.4.2 ลงในโถส้วม
12 (4.9%)
27(17.9%)
39 (9.8%)
3.4.3 อื่น ๆระบุ
3 (1.2%)
4(2.6%)
7 (1.8%)
4.ความรู้เรื่องกระดาษชำระ
 
 
 
 
4.1กระดาษชำระเป็นกระดาษประเภทหนึ่งของกระดาษอนามัย
4.1.1 ทราบ
147(59.5%)
70(46.4%)
217 (54.5%)
4.1.2 ไม่ทราบ
100(40.5%)
81(53.6%)
181 (45.5%)
4.2 กระดาษอนามัยแบ่งเป็นกระดาษเช็ดหน้า  กระดาษปาก  กระดาษเช็ดมือและกระดาษชำระ
4.2.1 ทราบ
151(61.1%)
74(49.0%)
225 (56.5%)
4.2.2 ไม่ทราบ
96(38.9% )
77(51.0%)
173 (43.5%)
4.3 การใช้กระดาษถูกประเภทสำหรับการขับถ่าย (ใช้กระดาษอนามัยประเภทกระดาษชำระทุกครั้งที่ใช้ส้วมสาธารณะ)
4.3.1 แน่ใจ
79(32.0%)
55(36.4%)
134 (33.7%)
4.3.2 ไม่แน่ใจ
168(68.0%)
96(63.6%)
214 (66.3%)
4.4กระดาษชำระมีส่วนผสมของกระดาษที่ใช้แล้ว
4.4.1 ทราบ
116(47.0%)
56(37.1%)
172 (43.2%)
4.4.2 ไม่ทราบ
131(53.0%)
95(62.90%)
226 (56.8%)
4.5งานวิจัย/องค์ความรู้เกี่ยวกับกระดาษชำระลงในโถส้วม
4.5.1 ทราบ
50(20.2%)
32(21.2%)
82 (20.6%)
4.5.2 ไม่ทราบ
197(79.8%)
119(78.8%)
316 (79.4%)
5.ทัศนะคติกับการใช้กระดาษชำระ
 
 
 
 
5.1 เหตุผลที่ประชาชนไม่แน่ใจในการใช้กระดาษว่าถูกประเภทหรือไม่เนื่องจาก
5.1.1 ไม่ได้สังเกต
122 (69.32%)
87 (66.92% )
209 (68.52%)
5.1.2 ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเลือกใช้ประเภทกระดาษอนามัย
30 (17.05%)
32 (24.62 %)
62 (20.33%)
5.1.3 ข้อ5.1.1และ 5.1.2
19(10.80%)
8 (6.15%)
26 (8.52%)
5.1.4 อื่นๆระบุ
5 (2.84 %)
3 ( 2.31 % )
8 (2.63%)
5.2 ความเห็นเกี่ยวกับฉลากของกระดาษชำระที่ขายตามท้องตลาด
5.2.1 ผู้ผลิตควรระบุลงไปให้ชัดเจนว่าเป็นกระดาษชำระเฉพาะกับการขับถ่ายและทิ้งไปในโถส้วมได้
134(54.3%)
86 (57.0%)
 
220 (55.3%)
5.2.2 ใช้ตามที่ฉลากแนะนำ เช่นใช้สำหรับเช็ดหน้าหรือใช้ทำความสะอาดร่างกาย
88(35.6%)
51(33.8%)
139 (34.9%)
5.2.3 อื่น ๆระบุ
25(10.1%)
14(9.2%)
39 (9.8%)

ทัศนคติ  ความรู้  พฤติกรรมการใช้ส้วมสาธารณะและการใช้กระดาษชำระ
จำนวน (คน)
เพศหญิง
เพศชาย
รวมทั้งหมด
5.3 กระดาษชำระหากใช้แล้วทิ้งลงไปในโถส้วมจะมีผลทำให้ส้วมตันหรือไม่
5.3.1 ไม่มีผลเพราะมั่นใจว่าหากผลิตตามมอก.แล้วกระดาษชำระเปื่อยยุ่ย/กระจายได้ดีไม่อุดตันในระบบท่อและเก็บกัก
72(29.1%)
58(38.4%)
130 (32.7%)
5.3.2 ไม่แน่ใจ
134(54.3%)
73(48.3%)
207 (52.0%)
5.3.3 อื่น ๆ ระบุ
41(16.6%)
20(13.3%)
61 (15.3%)
5.4 รณรงค์ให้มีพฤติกรรมการใช้ส้วมที่ถูกต้องโดยทิ้งกระดาษชำระลงไปในโถส้วม
5.4.1 เป็นวิธีการกำจัดมูลฝอยโดยไม่แพร่กระจายเชื้อโรค
210(85.0%)
132(87.4%)
342 (85.9%)
5.4.2 อื่น ๆ ระบุ
37(15.0%)
19(12.6%)
56 (14.1%)

 

สรุปผลและข้อเสนอแนะ

            1.ประชาชนส่วนใหญ่มีความรู้ ทัศนคติและพฤติกรรมการใช้ส้วมสาธารณะที่พึงประสงค์  เช่น  นั่งลงบนโถส้วม,ไม่ทิ้งวัสดุอื่นนอกจากกระดาษชำระลงบนโถส้วม,  ราดน้ำหรือกดชักโครกทุกครั้งหลังการใช้ส้วม, ล้างมือทุกครั้งหลังการใช้ส้วม  แต่ทั้งนี้สุขลักษณะส่วนบุคคลที่พบที่ควรจะต้องรณรงค์และปรับปรุงก็คือ “การล้างมือของประชาชนที่จะล้างมือสะอาดก็ต่อเมื่อสถานที่นั้นมีสบู่จัดไว้ให้หรือเจลล้างมือ”  และมีกลุ่มคนส่วนน้อยมากที่พกเจลล้างมือหรือสารฆ่าเชื้อไว้ใช้

            2.เพศหญิงใช้ส้วมสาธารณะมากกว่าเพศชาย (ความถี่ในการใช้ส้วมสาธารณะ) และมีพฤติกรรมการใช้กระดาษชำระมากกว่าเพศชาย  สำหรับอายุ มีผลต่อพฤติกรรมการใช้กระดาษ  โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงานจะใช้กระดาษชำระมากกว่าเยาวชน  และผู้สูงอายุ  เนื่องจากเยาวชนยังใช้กระดาษชำระกันเป็นส่วนน้อย และใช้ในโรงเรียนหรือสถานศึกษาและบ้าน และกลุ่มผู้สูงอายุซึ่งส่วนใหญ่อยู่บ้าน  ดังนั้นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการพฤติกรรมการใช้ส้วมสาธารณะคือเพศและอายุ

3.ประชาชนยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับการทิ้งกระดาษชำระลงไปในโถส้วมเนื่องจากกลัวการอุดตัน และส้วมเต็มเร็วและยังไม่แน่ใจด้วยว่ากระดาษอนามัยที่ใช้อยู่นั้นใช้กับส้วมจริงหรือไม่จึงควรทำความเข้าใจกับประชาชนเรื่องการใช้กระดาษชำระกับระบบส้วมชักโครกรวมทั้งเจ้าของสถานที่เพื่อดำเนินการรณรงค์และประชาสัมพันธ์  รวมทั้ง “การล้างมือที่มีสบู่” ตามที่องค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) แนะนำ ตลอดจนขับเคลื่อนให้ “ส้วมสาธารณะไทยผ่านเกณฑ์มาตรฐานส้วมสาธารณะสะอาด เพียงพอ ปลอดภัย”

            4.ควรมีการรณรงค์และประชาสัมพันธ์ใช้ชัดเจนถึงข้อดีของการใช้ส้วมสาธารณะที่ถูกต้อง

ขอขอบคุณ สำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย ที่ให้ความร่วมมือและข้อมูลวิชาการตลอดจนการสนับสนุนการดำเนินงานพัฒนาส้วมสาธารณไทย

2 ความคิดเห็น: