วันพุธที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

จุลชีพในส้วมสาธารณะ


จุลชีพในส้วมสาธารณะ

กลุ่มพัฒนาการสุขาภิบาล  สำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม กรมอนามัย  กระทรวงสาธารณสุข

 

 สืบเนื่องจากกรมอนามัย  กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินงานพัฒนาส้วมสาธารณะไทย  มาตั้งแต่                 ปี 2547 โดยพัฒนาส้วมสาธารณะไทยให้ผ่านตามเกณฑ์มาตรฐานส้วมสาธารณะไทย  สะอาด(Healthy: H) เพียงพอ (Accessibility: A) ปลอดภัย (Safety) ในปี 2547 ร้อยละ 9.08 % และในปี 2558  มีส้วมสาธารณะที่ผ่าน HAS ร้อยละ 71.00 % กรมอนามัยทำการสำรวจเชื้อที่ปนเปื้อนในอุจจาระหรืออีโคไล (E.coli)   ในส้วมสาธารณะด้วยชุดทดสอบสำหรับส้วมสาธารณะ  พบว่าที่จับสายฉีดน้ำชำระ  ตรวจพบการปนเปื้อนอุจจาระร้อยละ 85.3  พื้นห้องส้วม ตรวจพบการปนเปื้อนอุจจาระร้อยละ 50 ที่รองนั่งส้วม  ตรวจพบการปนเปื้อนอุจจาระร้อยละ 31 ที่กดน้ำของโถส้วม/โถปัสสาวะ ตรวจพบการปนเปื้อนอุจจาระ ร้อยละ 7.7  ก๊อกน้ำตรวจพบการปนเปื้อนอุจจาระ  ร้อยละ 7  กลอนประตู ตรวจพบการปนเปื้อนอุจจาระร้อยละ 2.7(1) นอกจากนี้จากเหตุการณ์ในปี 2552 มีการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (H1N1) หรือไข้หวัดใหญ่ 2009 ซึ่งปัจจุบันในปี 2557 ประเทศไทยมีผู้ป่วยจำนวน 37,015 ราย  ซึ่งมีผู้เสียชีวิตจำนวน  51  ราย(ข้อมูลการเฝ้าระวังตั้งแต่ 1 ม.ค. 1 มิ.ย. พ.ศ. 2557) (6) และยังพบว่ามีผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดนี้ในส้วมสาธารณะในห้างสรรพสินค้า  จำนวน 1 ราย  เป็นชายวัย 47 ปีทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดที่ทำความสะอาดในบริเวณดังกล่าวและไม่เคยมีประวัติสัมผัสกลุ่มเสี่ยงมาก่อน(5)กการศึกษาของลี ยวน คุน (9) ศึกษาสุขลักษณะอากาศในห้องส้วม พบว่าจุลิทรีย์ที่พบมาจากผู้เข้ามาใช้บริการส้วมสาธารณะ  ระบบการชักโครกและสุขวิทยาส่วนบุคคล  จุลินทรีย์ในอากาศที่พบเป็นจำพวกระบบทางเดินหายใจและระบบทางเดินอาหารหรือลำไส้ใหญ่  เมื่อตรวจวัดจุลชีพในส้วมสาธารณะพบว่าปริมาณจุลินทรีย์ของอากาศภายในอาคารสูงกว่าภายนอกหรืออาคารที่เปิดโล่งสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมและปริมาณจุลินทรีย์ของอากาศในห้องส้วมสูงกว่าอากาศในสำนักงานทั่วไปและบริเวณทางเดินภายในตึกที่มีการระบายอากาศ  และจุลินทรีย์ที่ก่อเชื้อในระบบทางเดินอาคารสุดท้ายก็ตกลงมาปนเปื้อนในห้อง 

 

ตาราง 1  แสดงแหล่งที่มากลุ่มแบคทีเรียที่พบในอากาศภายในอาคาร(9)

แบคทีเรีย(Bacteria)
แหล่งที่มา(Origin)
ความถี่ (Frequency of isolation (%))
อาคาร(Building)
ห้องส้วม(Toilet)
Staphylococcus
Skin
100
100
Micrococcus
Skin
100
 
Pseudomonas
Skin,Fecal
80
90
Bacillus
Skin,Fecal
50
45
Acinetobacter
Skin,Fecal
33
40
Coliforms
Fecal
100
 

 

ตาราง 2  แสดงการร้อยละเชื้อแบคทีเรียโคลิฟอร์มที่พบในห้องส้วม(9)

จุดที่เก็บ(Location)
ร้อยละที่พบแบคทีเรียคอลิฟอร์ม          (% Coliform Bacteria Detected)
พื้น(Floor in front of toilet)
95
อ่างล้างมือ (Sink)
52
ที่รองนั่งส้วม(Top of the toilet seat)
40
Tap
35
ผนัง (Wall behind toilet)
23
ที่กดชักโครก (Toilet flush handle)
7
กลอนประตู (Door knob)
5

 

             นอกจากนี้กิจจา จิตรภิรมย์ (2) ทำการแยกเชื้อแบคทีเรียที่ปนเปื้อนในห้องส้วม พบ Coliform bacteria,E coli, Staphylococcus aureus และ Coagulase negative – Staphylococcus spp.(CNSA) ไม่พบ Salmonella spp. โดยพบว่าเชื้อที่ปนเปื้อนส่วนใหญ่แยกได้จากก๊อกน้ำ บริเวณขอบอ่างล้างมือ บริเวณลูกบิดหรือกลอนประตู ฝารองนั่งชักโครกและที่กดชักโครกและให้ข้อสรุปว่าห้องส้วมสาธารณะยังขาดมาตรการที่เหมาะสมในการทำความสะอาดหรือผู้ใช้บริการยังมีสุขนิสัยที่ไม่ถูกสุขลักษณะจนทำให้เกิดการสะสมของเชื้อโรคและสามารถแพร่กระจายจนมีความเสี่ยงทางสุขภาพต่อการติดเชื้อภายในห้องส้วมสาธารณะ

             ปัจจัยที่ทำให้เกิดการสะสมของเชื้อโรคในอาคาร มาจากการออกแบบและการจัดการที่ไม่เหมาะสม ได้แก่วัสดุและเครื่องใช้สำนักงานที่มีคุณสมบัติในการดูดซับความชื้น,สภาพแวดล้อมภายในที่เป็นซอกมุม,อากาศที่มีความชื้นสูง,การเตรียมพื้นที่ในการทำความสะอาดที่ไม่เพียงพอ,ปัญหาจากงานระบบปรับอากาศ,แนวทางการประหยัดพลังงาน,การทำความสะอาดและการติดตั้งอุปกรณ์ที่ผิดวิธีนอกจากนี้ยังพบว่าพฤติกรรมของผู้ใช้อาคารเป็นสาเหตุสำคัญต่อการสะสมของเชื้อโรคภายในอาคารได้อีกด้วย (4)

              จะเห็นได้ว่าจุลชีพมีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะในห้องส้วมสาธารณะ เนื่องจากเป็นจุดที่ต้องใช้ร่วมกับผู้อื่น  หากทำความสะอาดหรือดูแลได้ไม่ดี  ก็จะกลายเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อโรคได้ง่าย รวมทั้งโรคสำคัญที่จะกลับกลายมาเป็นปัญหาต่อไป

จุลชีพที่สำคัญภายในส้วมสาธารณะ

          -แบคทีเรียโคลิฟอร์ม (Coliform bacteria)  เป็นแบคทีเรียในวงศ์ Enterobacteriaceae มีรูปท่อนสั้นติดสีแกรมลบ เคลื่อนที่ด้วยแฟลกเจลลาที่อยู่รอบเซลล์ เป็นเชื้อที่เจริญได้ดีในสภาวะที่มีอากาศและ                  ไร้อากาศ เป็นแบคทีเรียดัชนีบ่งชี้การปนเปื้อนของอุจจาระ (index microorganisms) เนื่องจากใช้วิธีตรวจง่ายไม่ยุ่งยากแบ่งตามแหล่งที่มา ได้เป็น 2 ชนิดคือ ฟีคัลโคลิฟอร์ม (Fecal Coliform) พวกนี้อาศัยอยู่ในลำไส้ของคน และสัตว์เลือดอุ่น ถูกขับถ่ายออกมากับอุจจาระ เมื่อเกิดการระบาดของโรคระบบทางเดินอาหาร                    จะพบแบคทีเรียชี้แนะชนิดนี้ ได้แก่ อี.โค.ไล (E.coli) และนอนฟีคัลโคลิฟอร์ม (Non-fecal coliform) พวกนี้อาศัยอยู่ในดิน และ พืชมีอันตรายน้อยกว่าพวกแรก ใช้เป็นแบคทีเรียชี้แนะถึงความไม่สะอาดของน้ำได้ เช่น เอ. แอโรจิเนส (A. aerogenes)    แบคทีเรียโคลิฟอร์มสามารถย่อยสลายน้ำตาลแลกโตสและให้ก๊าซภายในเวลา 48 ชั่วโมง ที่อุณหภูมิ 35 องศาเซลเซียส เรียกว่าเป็นพวกแลกโตสเฟอร์เมนเตอร์ ซึ่งแบคทีเรียพวกแลกโตสเฟอร์เมนเตอร์   เป็นกลุ่มที่ไม่ทำให้เกิดโรค ส่วนพวกแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคไม่สามารถย่อยสลายน้ำตาลแลกโตสได้ที่อุณหภูมิ 35 องศาเซลเซียส จึงจัดอยู่ในพวกนอน-แลกโตสเฟอร์เมนเตอร์

           ฟีคัลโคลิฟอร์ม (Fecal Coliform) จุลินทรีย์สาคัญในกลุ่ม Faecal coliform คือ Escherichia coil เป็นแบคทีเรียแกรมลบ รูปแท่งและเป็นแบคทีเรียซึ่งอาศัยอยู่ในลำไส้มนุษย์และสัตว์เลือดอุ่น จึงพบเชื้อชนิดนี้มากในอุจจาระของคนและสัตว์ ด้วยเหตุนี้จึงใช้เป็นดัชนีบ่งชี้ถึงการปนเปื้อนอุจจาระในน้ำ และอาหาร เชื้อชนิดนี้เจริญเติบโตได้ดีในอุณหภูมิ 35-37 องศาเซลเซียส

          -สแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) (3) จัดอยู่ในวงศ์ Micrococcaceae เป็นแบคทีเรียรูปร่างกลม  เซลล์เรียงตัวเป็นกลุ่มทำให้ดูเหมือนพวงองุ่น ติดสีแกรมบวก  สามารถเจริญได้ในสภาวะที่ไม่มีอากาศและมีอากาศ บางครั้งอยู่เป็นคู่สาย โคโลนีมีสีเหลืองทอง แต่บางครั้งอาจพบเป็นสีครีม เป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่าง ๆเช่นการติดเชื้อบริเวณเนื้อเยื่อและโรคอาหารเป็นพิษ
  สแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส (S.  aureus)  พบได้ตามธรรมชาติและร่างกายของมนุษย์และสัตว์ โดยจะพบตามทางเดินหายใจ ลำคอหรือ เส้นผมและผิวหนัง บางครั้งพบในอุจจาระด้วยหรืออาจพบเชื้อชนิดนี้โดยสัมผัสเชื้อโดยตรงกับสภาพแวดล้อมในส้วมสาธารณะ   หากผิวหนังเกิดรอยบาดแผลหรือถลอกหรือได้รับการผ่าตัดเชื้อนี้จะบุกรุกเข้าเนื้อเยื่อชั้นในได้หรือเมื่อเข้าสู่กระแสเลือดแล้ว นอกจากนี้ยังมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมภายนอกได้ดีมาก

 

“แนวทางการลดการแพร่กระจายจุลชีพในส้วมสาธารณะ” (1)

          สำหรับแนวทางการลดการแพร่กระจายของจุลชีพก็คือ การทำความสะอาดห้องส้วม อาจต้องคำนึงในเรื่องความถี่ของการทำความสะอาดโดยเฉพาะห้องส้วมสาธารณะที่มีผู้เข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมากและเข้ามาใช้อยู่ตลอดเวลา  เช่น ส้วมสาธารณะในสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง,ส้วมสาธารณะในห้างสรรพสินค้า เป็นต้น ซึ่งควรทำความสะอาดเป็นประจำ  และเพิ่มความถี่อย่างน้อย 3 ครั้งต่อวันหรือพิจารณาจากจำนวนมากน้อยของผู้ใช้บริการส้วมสาธารณะ รวมทั้งหมั่นตรวจและทำความสะอาดห้องส้วมให้สะอาดเรียบร้อยอยู่เสมอ โดยเฉพาะจุดที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เช่นพื้นห้องส้วม ต้องสะอาดและแห้งอยู่เสมอ นอกจากนี้วิธีการทำความสะอาด ก็สามารถลดจำนวนการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้เช่นเดียวกัน โดยการทำความสะอาดห้องส้วมอยู่เป็นประจำด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อเป็นวิธีที่เหมาะสมช่วยลดจำนวนจุลินทรีย์ภายในห้องส้วม นั่นคือ นอกจากจะทำความสะอาดห้องส้วมด้วยผลิตภัณฑ์ล้างทำความสะอาดทั่วไปแล้ว ควรมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีสารประกอบจำพวกคลอไรด์ซึ่งสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ด้วยเช่น โซเดียมไฮโปคลอไรด์ เป็นต้น นอกจากนี้การปรับปรุงระบบระบายอากาศก็ยังสามารถช่วยลดจำนวนจุลชีพในส้วมสาธารณะได้อีกด้วย

 

อ้างอิง

              1.กรมอนามัย  กระทรวงสาธารณสุข. ทำอย่างไรให้ส้วมสะอาด.จุดที่ต้องทำความสะอาดเป็นพิเศษเนื่องจากเป็นจุดที่มีการตรวจพบการปนเปื้อนอุจจาระ หน้า 11. พิมพ์ครั้งที่ 3 จำนวน 10,000 เล่ม มีนาคม 2551

              2.กิจจา จิตรภิรมย์.การประเมินมาตรฐานและการปนเปื้อนแบคทีเรียในห้องส้วมสาธารณะ.วารสารวิทยาศาสตร์  มข. ปีทีี่ 41 ฉบับทีี่ 33 (2556) หน้า 789-796 http://scijournal.kku.ac.th/files/Vol_41_No_3_P_789-796.pdf  เข้าถึงข้อมูลวันที่ 25 มีนาคม 2559

              3.คมสันต์ วรรณไสย.2558.พยาธิวิทยาของโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่พบบ่อย Pathology of common bacterial infections.ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ลักษณะและคุณสมบัติของเชื้อStaphylococcus aureus . [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จากhttp://www.lib.kps.ku.ac.th/SpecialProject/Agricultural_Biotechnology/2549/Bs/BoonyapornTp/chapter2.pdf. สืบค้นเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2558

                4.ดารณี  จารีมิตรและคณะ.โรคระบบทางเดินหายใจ:ความเสี่ยงร้ายแรงจากการออกแบบและจัดการอาคารสำนักงานที่ไม่เหมาะสม.วารสารวิจัยและสาระสถาปัตยกรรม/การผังเมือง  ปีที่ : 4  ฉบับที่ : 2  เลขหน้า : 1-19  ปีพ.ศ. : 2549 [ออนไลน์] http://www.tds.tu.ac.th/jars/download/jars/v4-2/01_Respiratory%20Diseases.pdf เข้าถึงข้อมูลวันที่ 4 พฤศจิกายน 2558

               5. ภัยร้ายไข้หวัด 2009  ระบาดหนัก.ข่าวการเมือง วันที่ 1 กรกฎาคม 2552 [ออนไลน์] http://news.sanook.com/788092/เข้าถึงข้อมูลวันที่ 6 พฤศจิกายน 2558

               6.สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค  กระทรวงสาธารณสุข. Influenza ระบบเฝ้าระวังโรค (รายงาน 506).  [ออนไลน์] http://www.boe.moph.go.th/เข้าถึงข้อมูลวันที่ 11 มิถุนายน 2557

               7.Escherichia coli. http://www.rtmsd.org/cms/lib9/PA01000204/Centricity/Domain/170/e_colic.jpg

     8.Staphylococcus aureus. [ออนไลน์]. http://www.foodnetworksolution.com/uploaded/staphylococcus-aureus.jpg  สืบค้นเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2558

               9.Prof Lee Yuan Kun, Associate Professor, Department of Microbiology, Yong Loo Ling School of Medicine, National University of Singapore, Singapore. Air Hygiene in Washrooms. World 20 Toilet 200616-18 November 2006, Bangkok Impact Exhibition & Convention Center, Hall 9 .Health Air Hygiene in Washrooms, 17 November 2006, Friday 11.00 am – 11.20 am.

1 ความคิดเห็น: