วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2563

การศึกษาการสำรวจพฤติกรรมการสูบ ขนสิ่งปฏิกูลของผู้ปฏิบัติงานสูบ ขนสิ่งปฏิกูล กรุงเทพมหานคร

การศึกษาการสำรวจพฤติกรรมการสูบ ขนสิ่งปฏิกูลของผู้ปฏิบัติงานสูบ ขนสิ่งปฏิกูล กรุงเทพมหานคร
Survey of Sewage Suction Behavior of Sewage Pumping Operators in Bangkok
สัจมาน  ตรันเจริญ,ประโชติ  กราบกราน สำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม  กรมอนามัย
บทคัดย่อ
          การศึกษานี้เป็นการศึกษาวิจัยเชิงสำรวจ (Survey research) โดยทำการสำรวจพบว่า ผู้ปฏิบัติงานสูบขนสิ่งปฏิกูลส่วนใหญ่เป็นเพศชาย จำนวน 323 คน คิดเป็นร้อยละ99.7 อายุระหว่าง  30-39 ปี จำนวน 95 คน คิดเป็นร้อยละ 29.50  ระยะเวลาการปฏิบัติงาน > 5- 10 ปี จำนวน 102 คน คิดเป็นร้อยละ 34.0
ผู้ปฏิบัติงานทราบว่างานสิ่งปฏิกูลอาจมีผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม จำนวน 290 คน คิดเป็นร้อยละ 89.5 ไม่เคยได้รับความรู้/สอนงานเรื่องการปฏิบัติงานสูบ ขนสิ่งปฏิกูลที่ถูกต้องและปลอดภัย  จำนวน 201 คน คิดเป็นร้อยละ 62.0 มีการตรวจสุขภาพประจำปี จำนวน 290 คน คิดเป็นร้อยละ 89. โรคที่ตรวจสุขภาพ เป็นโรคทั่วไป ได้แก่เบาหวาน ความดัน จำนวน 258 คนคิดเป็นร้อยละ 79.6 โรคระบบทางเดินอาหาร ได้แก่โรคหนอนพยาธิ จำนวน 25 คน คิดเป็นร้อยละ 7.7 ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ไม่เจ็บป่วยเลย 187 คน คิดเป็นร้อยละ 57.7  เคยเจ็บป่วยด้วยโรคระบบทางเดินอาหาร ไม่เคยเจ็บป่วย จำนวน 227 คน คิดเป็นร้อยละ 70.1  ไม่เคยได้รับการรักษาในโรงพยาบาล จำนวน 197 คน คิดเป็นร้อยละ 60.8 ในขณะสูบสิ่งปฏิกูลสวมเครื่องป้องกันอันตรายส่วนบุคคล จำนวน 262 คน คิดเป็นร้อยละ 80.9 สวมเครื่องป้องกันได้แก่ ผ้าปิดปากปิดจมูก จำนวน 219 คน คิดเป็นร้อยละ 83.9 ถุงมือยางหนา จำนวน 123 คน คิดเป็นร้อยละ 47.1 ผ้ากันเปื้อนจำนวน 18คน คิดเป็นร้อยละ 6.9  สวมหมวก จำนวน 72 คน คิดเป็นร้อยละ 27.6รองเท้าพื้นยางหุ้มแข้ง จำนวน 50 คน คิดเป็นร้อยละ 19.2  เครื่องป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่หน่วยงานจัดไว้ให้เพียงพอต่อการใช้งาน ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน จำนวน 199 คน คิดเป็นร้อยละ 61.4  ชุดป้องกันอันตรายส่วนบุคคลสามารถป้องกันการเปียกหรือการสัมผัสจากสิ่งปฏิกูลได้ จำนวน 165 คน คิดเป็นร้อยละ 52.4 ในขณะที่สูบสิ่งปฏิกูลแล้วหกเรี่ยราด  พบว่า มีการทำความสะอาดโดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ จำนวน 166 คน คิดเป็นร้อยละ 52.9 มีการทำความสะอาดโดยใช้สารเคมีทำความสะอาดจำนวน 113 คน คิดเป็นร้อยละ 36.0 มีวิธีการสูบสิ่งปฏิกูลออกจากถังทั้งหมดทุกครั้ง จำนวน196 คน คิดเป็นร้อยละ 62.4 ภายหลังจากการสูบสิ่งปฏิกูลเสร็จแล้วมีการล้างทำความสะอาดสายสูบ จำนวน 291 คน คิดเป็นร้อยละ 92.7 หลังจากที่ออกปฏิบัติงานมีการทำความสะอาดยานพาหนะขนสิ่งปฏิกูลหรือล้างถัง โดย ทำความสะอาดอย่างน้อยเดือนละครั้ง จำนวน 149 คน คิดเป็นร้อยละ 47.3 การล้างทำความสะอาดยานพาหนะขนสิ่งปฏิกูลดำเนินการล้างที่บ่อกำจัดสิ่งปฏิกูลทั้งหนองแขมและที่อ่อนนุช น้ำทิ้ง ที่ผ่านการล้างยานพาหนะขนสิ่งปฏิกูลมีวิธีการจัดการโดยนำไปบำบัด จำนวน 118 คน คิดเป็นร้อยละ 37.3  ไม่มีการนำยานพาหนะขนสิ่งปฏิกูลไปใช้ในกิจกรรมอื่น จำนวน 311 คน คิดเป็นร้อยละ 98.7 ยานพาหนะขนสิ่งปฏิกูลมีข้อความระบุว่าใช้เฉพาะขนสิ่งปฏิกูล จำนวน 305 คนคิดเป็นร้อยละ 96.5 ในการขนสิ่งปฏิกูลมีเอกสารควบคุมกำกับการขนส่งและมีการใช้งาน จำนวน 272 คน คิดเป็นร้อยละ 86.3 มีการดูแลสุขวิทยาส่วนบุคล โดยการตัดเล็บทุกครั้งที่ยาว จำนวน  243 คน คิดเป็นร้อยละ77.1 ล้างมือทุกครั้งที่หยิบจับอาหารและหลังเข้าส้วม จำนวน 261 คน คิดเป็นร้อยละ 82.9 อาบน้ำหลังเสร็จภารกิจปฏิบัติงานสูบ ขนสิ่งปฏิกูลจำนวน 229 คน คิดเป็นร้อยละ 72.7 หน่วยงานการจัดเตรียมสถานที่ชำระร่างกายภายหลังการปฏิบัติงาน จำนวน 162คน คิดเป็นร้อยละ 51.3 หากต้องเข้าไปทำงานในสถานที่อับอากาศมีวิธีการปฏิบัติตัวโดยเพิ่มความระมัดระวังเมื่อมีสถานการณ์ที่ผิดปกติเกิดขึ้น จำนวน 266 คน คิดเป็นร้อยละ84.4 ต้องเรียนรู้วิธีการช่วยเหลือตัวเองเบื้องต้น จำนวน 203 คน คิดเป็นร้อยละ 64.4 สวมอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล จำนวน 201 คน คิดเป็นร้อยละ 63.8   ไม่เคยได้รับอุบัติเหตุระหว่างปฏิบัติงาน จำนวน 260 คน คิดเป็นร้อยละ 81.3 ข้อเสนอแนะจากการสำรวจควรมีอุปกรณ์ป้องกันอันตารายส่วนบุคคลที่เพียงพอต่อเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ,ควรมีการตรวจสุขภาพประจำปี,ควรมีการอบรมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานต่อไปและให้ทั่งถึงทุกคน ,ต้องมีมาตรการแก้ไขด้านการรักษาความปลอดภัยแก่เจ้าหน้าที่เพราะไม่มีอุปกรณ์ป้องกันตนเองทำให้สัมผัสเชื้อโรคได้ง่าย,จัดให้มีน้ำยาฆ่าเชื้อไว้ล้างทำความสะอาดกรณีสูบสิ่งปฏิกูลแล้วหกเรี่ยราด,ให้มีประกันอุบัติเหตุกับรถสูบสิ่งปฏิกูล 

คำสำคัญ ผู้ปฏิบัติงานสูบขนสิ่งปฏิกูล ,พฤติกรรมการสูบขนสิ่งปฏิกูล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น